เยี่ยม อ.อภิชิต เหมือยไธสง ที่บ้าน จังหวัดหนองบัวลำภู |
|
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 พระมหาวิศักดิ์ ชาตสุโก ผอ.สำนักงานวิทยาเขตอีสาน และพระมหาสัจจารักษ์ ปาลโก พร้อมทั้ง ดร.ภัทรชัย อุทาพันธ์ เดินทางไปเยี่ยม อ.อภิชิต เหมือยไธสง ที่บ้าน จังหวัดหนองบัวลำภู จากอุบัติเหตุลูกหลงทางรถยนต์ ซึ่งตอนนี้อาการใกล้ปกติแล้ว สามารถเดินและทำงานได้บ้างเล็กน้อย ยังคงมีการปวดบริเวณกระดูกชายโครง จากเข็มขัดนิรภัยอยู่บ้าง โชคดีที่ไม่ตาย เรื่องจริงจาก อาจารย์อภิชิต เหมือยไธสง - ผมไปทำงานที่ มมร.วิทยาเขตอีสาน จ.ขอนแก่น ไปพานักศึกษา รหัส 55 ทำเล่มสหกิจศึกษาและไปปิดโครงการพี่ STAFF รับน้องสร้างสรรค์ ให้นักศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์การปกครอง - เดินทางกลับบ้านที่อำเภอศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เวลา 18.30 น. ถึงจุดเกิดอุบัติเหตุ เวลาประมาณ 20.00 น. เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นก่อนแล้ว คือรถเก๋งสีขาวได้เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์จนล้มลง รถเก๋งสีขาวหักหลับไปชนต้นไม้และพลิกคว่ำลงข้างทางผมเปิดไฟต่ำตลอดทางเพราะมีรถสวนเลนตลอด (ทาง 2 เลน) บริเวณนั้นไม่มีไฟฟ้าส่องถนน - ก่อนถึงจุดเกิดเหตุผมได้เร่งความเร็วแซงรถคันข้างหน้า ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เลนตรงข้ามมีรถสวนตลอดเวลาและตีไฟสูงใส่ผม ผมเลยมองไม่เห็นอะไรเพราะแสงไฟแยงตา - ไม่ถึงนาทีผมก็เห็นรถจักรยานยนต์ขวางทางอยู่ตรงกลางเลนของผมพอดี ผมตัดสินใจตรึงพวงมาลัย และเหยียบเบรคจนสุด จนความเร็วเหลือ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เห็นจากเข็มไมล์ค้างในวันถัดมา) แต่ด้วยความเร็วที่ขับมาบวกกับน้ำหนักของตัวรถ ทำให้รถผมชนรถจักรยานยนต์อย่างแรง - หัวผมโขกกับพวงมาลัยและที่จับทำให้ผมรู้สึกมึนงง เครื่องยนต์ดับ ไฟหน้าดับ มองไม่เห็นอะไรมีแต่ความมืด รู้สึกได้ว่ารถหมุนอยู่ตลอดเวลา และเหมือนโดนกระแทกอย่างแรง ในใจคิดว่ากระแทกกับต้นไม้ (แต่ที่จริงคือพนักงานขับรถบัสบอกว่า รถผมยางแตกและหมุนคว้างไปกินเลนเขา เขาเลยเหยียบเบรคและหักหลบ ทำให้ชนที่ท้ายกระบะแทนหัวกระบะ) และทุกสิ่งก็หยุดนิ่ง ผมภาวนา "พุทโธ" ๆ ตลอดเวลา ถ้าจะตายขอให้ตายไปกับ "พุทโธ" รถนิ่งสนิท ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนว่า "คันนั้นมีใครตายไหม" "เป็นอะไรมากไหม" ผมก็เลยตั้งสติ ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย และหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องเก็บของมีค่า เช่น กระเป๋าโน๊ตบุ๊ค กระเป๋าเงิน แต่หาโทรศัพท์ไม่เจอ แว่นตาหักหาไม่เจอ - ตอนขยับตัวรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกาย แต่ก็พยายามลงจากรถ เดินไปรอบๆ ตัวรถเห็นกระบะท้ายยุบ เห็นป้ายทะเบียนตกอยู่บนพื้นดินเลยเก็บขึ้นมาไว้ในแค็ป และรู้สึกเหมือนจะทรุด เลยกลับไปนั่งในรถ รอคนมาช่วย โชคดีที่น้าหลัด น้าศูรย์ เจ้าของร้านแอปเปิ้ลที่อยู่อำเภอศรีบุญเรือง ท่านขับรถตามมา จอดดูอุบัติเหตุ ท่านจำผมได้ เลยนำตัวผมส่งโรงพยาบาลภูเวียง และโทรประสานงานกับแฟนผม ให้มาหาที่โรงพยาบาลภูเวียง - ขณะที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาล สำรวจร่างกายตนเอง พบว่า เจ็บเบ้าตา เจ็บศรีษะ เจ็บหัวไหล่ เจ็บสะโพก เจ็บซี่โครง สันนิษฐานว่ามาจากสายเบ็ลที่รัดตอนกระแทกกับพวงมาลัย คุณหมอให้เอ็กซเรย์ ผลออกมาคือกระดูกซี่โครงไม่หัก คุณหมออนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้ - แฟนเลยพาตัวผมกลับบ้าน เลยไปจอดบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ประกันภัย (ผมเพิ่งต่อประกันภัยชั้น 1 ผ่านมา 1 อาทิตย์ ถือว่าโชคดีมาก) หลานๆ น้องมาร์ค น้องเมย์ ช่วยกันไปเก็บเอกสาร โทรศัพท์ พระเครื่อง ของมีค่าต่างๆ ให้ โดยเฉพาะเอกสารสหกิจและเอกสารวิจัยของนักศึกษายังอยู่ครบ เสร็จแล้วก็เดินทางกลับถึงบ้าน - รัตน์ ภรรยาผมก็ดูแลผมอย่างดี ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณเบ้าตา เพราะบวมมาก ผมทานยาแก้ปวด อาบน้ำอุ่น และพักผ่อน รัตน์แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะผมละเมอครางด้วยความเจ็บปวดอยู่เกือบตลอดเวลา รัตน์ต้องคอยประคบน้ำแข็งที่เบ้าตาและศรีษะให้ผมตลอด - วันต่อมา ผมอาบน้ำอุ่น ทานข้าว ทานยา แต่งตัวจะไปเอาใบรับรองแพทย์เพื่อลาหยุดงาน แต่ไปแล้ววันอาทิตย์คุณหมอไม่อยู่ก็เลยไม่ได้เอกสาร เลยเดินทางกลับมาถ่ายรูปรถ (สภาพก็อย่างที่ทุกท่านเห็น) ถ้าซ่อมไม่ได้ ก็คงคืนซาก เอาเงินไปดาวน์คันใหม่ - กลับมาถึงบ้าน คุณแม่ รัตน์ ลุงเทพ ป้าบาร์ น้องมาร์ค น้องเมย์ น้าจิตร ครอบครัวผมดูแลผมอย่างดี พากันทำเตียงย่างคนเจ็บ (ใบหนาด) ให้ ผมย่าง 2 รอบ อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น - ตื่นเช้าวันจันทร์ คุณแม่และรัตน์ มีความเห็นว่าผมต้องไปตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด เลยตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู แต่คนเยอะ รัตน์เลยประสานงานกับพี่นุ้ย ตัวแทนวิริยะหนองบัวลำภู เลยตัดสินใจไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลวีระพลการแพทย์ ตรวจเช็คอวัยวะภายใน ทุกอย่างปกติ เอ็กซเรย์กระดูกบริเวณที่เจ็บ ทุกอย่างปกติ สแกนสมอง สมองปกติ คุณหมอท่านเลยให้นอนเข้าน้ำเกลือเกือบ 3 ชั่วโมง ก็เลยพากัน กลับบ้าน คุณแม่และป้าบาร์ก็เตรียมเตียงใบหนาดให้ย่างรักษาอาการฟกช้ำอีกรอบ ทานยา พักผ่อน ------------------------------------------------------------------- ประสบการณ์ที่ผมได้จากการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ------------------------------------------------------------------- - เราเกิดมา เราเกิดมาตัวคนเดียว ตอนเราตาย เราก็ตายตัวคนเดียว บุญและบาปเท่านั้น ที่เป็นเพื่อนเราได้ ญาติมิตร ครอบครัว สมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ เราเอาไปไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว - ความตายเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้ว่าเราจะไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตาม เราต้องไม่ประมาท - การที่เราระลึกถึง คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ ทำให้ท่านช่วยคุ้มครอง และทำให้เรามีสติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตอนเกิดอุบัติเหตุ - ไม่มีใครมาดูแลเราได้นอกจากครอบครัวของเราเอง เพราะฉะนั้นเราต้องทะนุถนอม และรักคนในครอบครัวของเราให้มากๆ - เราจะรู้ได้ว่าใครจริงใจ เป็นห่วงเป็นใยเรา ก็ตอนที่เราตกทุกข์ได้ยาก บางท่านโทรศัพท์มาถามอาการ บางท่านไปเยี่ยมอาการป่วยที่โรงพยาบาล บางท่านมาเยี่ยมอาการป่วยที่บ้าน บางท่านโพสต์ให้กำลังใจทางไลน์ ข้อความและเฟซบุ๊ค - ผมรอดจากอุบัติเหตุครั้งนี้ได้เพราะไม่ประมาท ผมจะคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับรถ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จนติดเป็นนิสัย ผมจะตั้งสติ ภาวนาพุทโธๆ เสมอ เมื่อเกิดเหตุคับขัน เพราะป้องกันการตายแบบไม่มีสติ - อย่าขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะมันอันตราย
|